การวางแผนผิดก็เหมือนการวางยาพิษฆ่าตัวเอง

วันหยุดในแต่ละสัปดาห์ เราทำอะไรกันบ้าง ตอบแบบแรงๆเพราะอยากให้กระแทกความรู้สึกกันจริงๆ สักหน่อย นั้นคือเราจะไปสร้างหนี้กันส่วนใหญ่ และอย่าเพิ่งเถียงว่าตนเองนั้นรวยหรือว่าไม่สน เพราะคำเหล่านี้สุดท้ายต้องวิ่งหาสถาบันการเงิน ขอให้ปล่อยกู้เพิ่ม หรือไม่ก็กลับไปหาพ่อแม่ที่บ้านแล้วก็บอกเอาบ้านไปเข้าไฟแนนท์ให้หน่อยลูกผ่อนไม่ไหว มันเกิดแบบนี้มาเป็นจริงกันหมดแล้ว สำหรับคนที่เล่นโซเชียลเป็นประจำยิ่งถ้าเป็นคุณแม่ คุณพ่อด้วยแล้ว ก็จะกลัวเป็นที่สุด ในทุกฤดูการที่มีงานเทศกาลหยุดยาว เพราะหลายคนกลับบ้านแล้วนำเงินไปให้พ่อแม่ได้ใช้จ่าย ซื้อเสื้อผ้า เอาของดี ของอร่อยไปให้กัน แต่สุดท้ายพ่อแม่ต่างหากที่กลัวลูกจะกลับไปทำงานแล้วลำบาก ฝากเงินกลับไปให้ใช้มากกว่าที่ลูกให้เสียอีก แถมด้วยต้องไปใช้หนี้ค่าเหล่า ค่าเลี้ยงเพื่อนแถวบ้านอีกด้วย เรื่องเล่าแบบนี้ถ้าไม่มีจริงจะมีคนเล่ากันหรือ
และทุกวันหยุดคนส่วนใหญ่ก็จะไปเดินห้างไปหาของกินอร่อย ไปดูหนังหรือไปหาของที่ชอบมาปรนเปรอความต้องกาของตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้มีเงินเก็บสะสมแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการใช้เงินในอนาคตมาใช้ซื้อของเหล่านี้ก่อน ยิ่งคนที่ไม่รู้จักการใช้ของต่อจากคนอื่น ไม่รู้จะของมือสอง ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะจะทำให้ต้องซื้อแต่ของใหม่แล้วก็จะซื้อแต่ของแพงขึ้นเรื่อยๆ พอสุดท้ายมีเยอะเกินความจำเป็นก็ขายของเหล่านั้นทิ้งไปบ้าง ยกตัวอย่างเบาๆ อย่างเช่นกระเป๋าที่ซื้อมาใบละ 1000 บาทพอใช้ได้ไม่นานยังไม่ได้เก่าเรียกว่ายังใช้ไม่ครบทุกช่องก็เริ่มมองหาของใหม่ซื้อมาเรื่อยๆ จนผ่านไปก็ขายออกไปบ้างแต่ที่น่าตกใจที่สุด ซื้อมาใบละ 1000 แต่เอามาไลด์สดบอกของมือสองสภาพใหม่ขายเพียงแค่ใบละ 399 ทุกคนบอกแพง เพราะตกรุ่นแล้ว ในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ 199 บาทแถมส่งให้ฟรีด้วย สรุปแล้ว กำไรหรือขาดทุนกันแน่
รวมของที่ซื้อมาประมาณ 10000 บาทขายได้เงิน 2500 หักค่าส่งไปอีก 300 เหลือเข้ากระเป๋า 2200 เธอก็จำเป็นต้องหัวเราะกลบเกลือนความจริงไป เพราะเงิน 2200 บาทพอแค่ค่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อกระเป๋าไปเท่านั้นเงินต้นยังอยู่ครบเหมือนเดิม และดูไปแล้วก็มีทีท่าชัดเจนว่าจะมีหนี้เพิ่มเพราะกระเป๋าหายไปเป็นสิบใบ รูดเครดิตซื้อใหม่ เจ้าของแบงค์ก็ยิ้ม เพราะนอนกินดอกกับคนเหล่านี้ได้ประมาณ 5 ชาติก็ยังใช้เงินไม่หมด แบบนี้ใครกันแน่ที่รวยกว่ากัน
จำเป็นไหมที่ต้องมีมากมายขนาดนั้น เธอก็จะตอบว่าจำเป็นเพราะจะมีน้อยกว่าลูกน้องเราได้อย่างไร เห็นลูกน้องเปลี่ยนกระเป๋ามาทำงานทุกอาทิตย์แถมดูไปแล้วก็สวยๆ ทุกใบ ต้องใช้คำว่าอะไรกับคนเหล่านี้ดี เพราะบางครั้ง พวกเธออาจจะใช้กระเป๋าใบละ 1000 ก็จริง แต่มีเพียงแค่คนละ 1 ใบเท่านั้น แต่เธอมีเพื่อน 4-5 คนที่สลับสับเปลี่ยนกันใช้ ตามความสะดวก ไม่ก็ไปหาซื้อกระเป๋ามือสองที่สภาพสวยๆ มาใช้งานกัน จากราคาหลักพันก็ได้มาในราคาแค่หลักสิบกว่าๆ หรือแค่ ร้อยกว่าบาทเท่านั้น อย่างที่เจ้านายเธอได้ขายไปแบบนั้นเอง นั้นก็มองออกชัดเจนว่าใครที่ฉลาดการเงิน และรู้เรื่องเกี่ยวกับการเงินเป็นอย่างดี เพราะคำว่า โง่ ผสมกับความ อิจฉาริษยาทำให้ต้องเป็นแบบนี้ สุดท้ายก็จะมีแต่หนี้สินท่วมหัว น้ำท่วมปากและจมูก ไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดแบบวันต่อวันไปได้อีกนานเท่าไหร่
ความเป็นจริงเราควรใช้โอกาสแบบนี้ลองเข้าไปถามหรือไปปรึกษากับลูกน้องคนนี้ดูแล้วก็นำประโยชน์จากการที่เขาได้ทำมาสอนให้กับตนเองและลูกน้องคนอื่นได้อย่าง น่ารักและเป็นที่รักของทุกคนได้อย่างสบาย การที่เราสามารถเข้าถึงลูกน้องแล้วนำเขามาเป็นตัวอย่างที่น่ารักได้ ไม่เพียงแค่เราจะได้ใจของลูกน้องเท่านั้น ยังได้เรื่องการวางแผนชีวิตการเงินอีกด้วย นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้ทั้งนกและทั้งปลาไปพร้อมๆกัน
การวางแผนการเงินตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มีคนทำงานหลายคนพอทำงานได้ 3 เดือนก็เริ่มอยากมีอยากได้เพราะใช้คำว่าเมื่อก่อนลำบากไม่มีอะไรแบบเขาเลยก็ตัดสินใจผ่อนทุกอย่างแต่ก็ไม่ลืมที่จะวางแผนการเงินอย่างดี ผ่อนในสิ่งที่จำเป็นก่อนแล้วค่อยต่อยอดไปทางอื่น หาแต่สิ่งจำเป็นในชีวิตก่อน ทำงานแค่ 3 เดือนแต่มีรถมอเตอร์ไซด์ใช้ มีมือถือติดต่อกันกับทุกคนได้ พอหลายคนเห็นก็เริ่มมองว่าอีกหน่อยก็ไม่รอดเพราะผ่อนเกินตัว เพราะแค่คุณเห็นผ่านๆ เขาอาจจะใช้มือถือเครื่องละ 4000 ผ่อน 4-5 งวดก็หมด แต่เคสมือถือดูแพงมีราคาก็ไปอิจฉาเขาแล้วก็ไปทำให้เหนือกว่า ทั้งที่เขาคนนั้นก็ไม่ได้สนใจเลย สุดท้ายและท้ายสุดคำที่เคยว่าเคยด่าเขา ก็ต้องไปหาเขาแล้วก็ขอคำปรึกษาแถมด้วยการขอยืมเงินแบบนี้เจอกันมานักต่อนักแล้ว
ทุกอย่างในชีวิตต้องมีการวางแผน จะระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตามแต่ ไม่มีข้อผิดแต่อย่างใดแต่สิ่งที่สำคัญต้องเป็นแผนที่ถูกต้องไม่หลอกตัวเอง มิเช่นนั้นแผนที่วางไว้ก็ไม่ต่างจากตำรายาพิษดีๆนั้นเอง