เลือกเครื่องประดับสำหรับท่านชายทั้งที อย่าเพิ่งไปคิดไกลแบบผู้หญิงที่คิดว่าจะต้องเป็นแบบสร้อย หรือแหวน หรือต่างหู ตรงนั้น อาจจะเป็นผู้ชายอีกแนวก็เป็นได้ แต่สำหรับผู้ชายที่จำเป็นต้องมีเครื่องประดับที่ชัดเจน เมื่อได้มีติดตัวติดแขนไว้ ก็จะทำให้ดูดี ดูเป็นคนที่หล่อขึ้นมาทันที แน่นอนที่ติดแขนก็จะต้องเป็นนาฬิกา หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่านาฬิกาจะมีอิทธิพลอะไรมากมายขนาดนั้น
ถ้าเราลองสังเกตให้ดี นักธุรกิจทุกท่านจะต้องมีนาฬิกาที่ไว้สำหรับใส่ออกงาน ไว้สำหรับดูเวลาในการนัดหมาย หรือ ใช้เป็นเครื่องมือในการดูเลิกงามยามดี ก่อนที่จะต้องลงลายลักษณ์อักษรในการเซนสัญญาต่าง ๆ บางท่านแม้จะได้เวลาในการเซนสัญญาต่างๆ แล้วก็ยังคงต้องอาศัยเวลาในการที่จะลงมือเซนสัญญาต่าง ๆด้วยเช่นกัน เมื่อทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่ได้รับการแนะนำมาอย่างดีแล้ว ก็ควรทำเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเราเอง และเวลาก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตทุกขั้นตอนเช่นกัน นาฬิกาจึงมีบทบาทสำคัญที่ไม่ว่าคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายจำเป็นต้องมีติดตัวไว้ตลอดเวลา
แล้วจะเลือกนาฬิกาแบบไหนให้เหมาะกับตัวเรามากที่สุด
การเลือกนาฬิกาสำหรับตนเอง สิ่งที่เป็นข้อห้ามนั้นคืออย่าเลือกใช้เพราะคิดว่าเหมาะกับตนเอง หรือชอบเป็นการส่วนตัว ลักษณะแบบนั้นควรจะเป็นนาฬิกาแฟชั่นทั่วไป ไว้ใส่เที่ยวใส่ออกกำลังกายแบบนี้ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด แต่ถ้าต้องการนาฬิกาเพื่อสวมใส่เพิ่มราศีให้กับตนเองก็ควรต้องปรึกษาผู้รู้หรือ หาผู้ที่ออกแบบบุคลิกภาพสักหน่อย แล้วขอคำแนะนำว่าเราควรเลือกนาฬิกาแบบไหนที่เหมาะกับเราดี
สิ่งที่หลายคนมองข้ามในการเลือกนาฬิกามาสวมใส่นั้นคือ เรื่องของขนาดแขนและตัวของนาฬิกา บางคนดูการโฆษณาว่ารุ่นนี้ดี นายแบบหล่อ ใส่แล้วดูดี ก็อยากจะหล่อแบบนายแบบบ้าง แต่ความเป็นจริงเราอาจจะใส่แล้วไม่ได้ดูดีแบบนั้น แต่กลับกลายเป็นว่า ใส่แล้วเหมือนกับเป็นตัวตลกที่กำลังจะเป็นโชว์ตัวที่ไหนสักที่ ควรเลือกนาฬิกาไว้สำหรับตนเองสัก 3-4 เรือนเพราะบางครั้งเวลาและการออกงานสำหรับเราก็ไม่เหมาะกับนาฬิกาที่สวมใส่อยู่
นอกเหนือจากการเลือกนาฬิกาที่จะมาเป็นของเราเอง สิ่งที่มองถัดไปก็คือสีผิวของเรา บางคนมีผิวที่ค่อนข้างออกไปทางน้ำผึ้งป่า หรือจะว่าไปก็ค่อนข้างที่จะคล้ำดำ แต่ดันไปเลือกนาฬิกาสีสดใส่ มันก็จะกลายเป็นเรื่องตลกไปแทน ไม่ได้กลายเป็นจุดเด่นหรือดูเท่ห์ แต่กลายเป็นตัวตลกไปเสียแบบนั้น นาฬิกาสำหรับผู้ชายนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีสีสันที่ไม่มากนัก เรียกกันว่านาฬิกาธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเน้นโทนสีที่เรียบร้อย สามารถใส่ได้กับทุกงานออกงานได้ทุกแบบ สีสันก็จะโทนสีเข้ม แต่แฝงไปด้วยลูกเล่นเบาๆ อาจจะมีเพรชเม็ดเล็กๆ ตรงเม็ดมะยม (ตรงที่ปุ่มหมุน) หรือจะมีการประดับเพรชไว้สักหน่อยก็ไม่จัดว่าผิดหรือดูเวอร์ไปแต่อย่างใด เพราะการออกงานกลางคืนบางครั้งก็จำเป็นต้องอาศัยแสงสีทำให้เราดูดี ดูสง่าด้วยเช่นกัน ถ้าจะไปออกงานกลางคืน แล้วไปเน้นสวมใส่นาฬิกาแบบสปอร์ตสีขาวแต่ดันใส่สูทสีดำ มันก็จะดูเป็นเด็กยังไม่มีความน่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก จะไปคุยเรื่องการลงทุน 10 ล้าน 100 ล้านก็อาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้าม ดูแล้วก็น่ารักเกินไป ไม่เหมาะที่จะคุยด้วย แต่ถ้าเกิดว่า นาฬิกาเรือนนั้น เป็นรุ่นลิมิเตทราคาแพงพอที่จะซื้อบ้านได้สักหลัง หรือ เป็นใบเบิกทาง เพราะเราก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นนักสะสมนาฬิกาแบบนี้ก็จัดว่าไม่ผิด เรียกว่าเป็นงานมากกว่า ก่อนที่จะเข้าเรื่องการติดต่อธุรกิจกัน ก็มาแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องที่ชอบกันก่อน คุยเรื่องที่ชอบจนถูกอกถูกใจกันแล้วก็ใช้เวลาในการคุยเรื่องงานอีกแค่ไม่กี่นาทีก็ สำเร็จกันมานักต่อนักแล้ว
เลือกนาฬิกาเพื่อมาประจำตัว สิ่งที่ต้องระวัง คือการหมั่นตรวจดูการใช้งานว่านาฬิกาเรานั้น ใช้งานมานานหรือยัง ยังเดินตรงอยู่ไหม หรือ เวลาในการใช้งานของถ่านนาฬิกาอีกนานเท่าไหร่ มิใช่ว่าเราคิดว่าชุดนี้เหมาะกับเราที่สุด แต่พอใส่ออกงานไป เครื่องประดับที่จะเป็นจุดขายให้กับเราดันเกิดทำเราหน้าแตกเสียแบบนั้น เพราะถ่านดันมาหมดหรือสายดันมาขาดก็จะทำให้เสียหน้าได้เหมือนกัน ก็ควรจะมีการบันทึกหรือตรวจเช็คนาฬิกาของเราอย่างน้อยเดือนละครั้ง ถึงแม้ว่าราคาอาจจะไม่ได้แพงมากนัก แต่ขอให้เดินให้ตรงอยู่เสมอก็จัดว่าเพียงพอแล้ว
ในยุคใหม่นี้เครื่องประดับผู้ชาย อย่างนาฬิกา ก็ได้มีการพัฒนาไปหลายรูปแบบมากขึ้น มีการนำอิเล็กทรอนิคเข้ามามีส่วนร่วมในนาฬิกามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นาฬิกาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือบอกเวลาแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังทำหน้าที่อีกหลายอย่างให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันเราอยู่เสมอ สำหรับคนที่คิดว่านาฬิกานั้นไม่จำเป็นกับเราเท่าไหร่ ให้ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ แล้วดูผู้ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะมีนาฬิกาติดตัวอยู่ตลอด เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราทำงานได้แม่นยำมากขึ้น เป็นตัวช่วยทำให้เราดูดีขึ้น อีกหลายเท่าเช่นกัน ลองหามาใส่สักเรือนแล้วจะเข้าใจว่าทำไมผู้ชายต้องมีนาฬิกาหลายๆเรือน